Title : The Buttlefly Effect
Pairing : Hajime x Shun
Plot : Yanissky
Auther : Schneizelz149
Rate : R-18
Warning : Omegaverse
Summary : ราชาสีดำกับจอมมารสีขาวและเรื่องวุ่นวายในวันประหลาด
Detail : ยังคงใช้รูปแบบตามเนื้อเรื่องในเกม ทุกคนเป็นสมาชิกวงเดิมแต่ดัดแปลงให้เป็นจักรวาลโอเมก้าเวิร์สและมีรูปแบบที่เฉพาะตัวขึ้น โดยยังมีตำแหน่งเดิมคืออัลฟ่า เบต้าและโอเมก้า โดยความพิเศษคือในยูนิเวิร์สนี้การเป็นอัลฟ่าและโอเมก้าได้รับการยอมรับทั่วไปแล้ว แต่รายละเอียดอื่นๆนั้นจะค่อยๆเฉลยในแต่ละตอนไป
ขอบคุณมุกกี้ที่มาช่วยเวิ่น เวิ่นไปมาก็คลอดมาเป็นฟิคในรอบหลายเดือนเลย ขอบคุณนะครับ><
___________________________________________________________
ชื่อเสียงมักตามมาด้วยงานไม่ขาดสาย นั่นทำให้ชีวิตของเขามีอะไรให้ทำมากขึ้น ในฐานะของมุตสึกิ ฮาจิเมะหรือหัวหน้าวงsix gravity แล้ว ทุกอย่างขับเคลื่อนให้ความรู้สึกตื่นเต้นสรรสร้างหัวใจพองโตทุกครั้งที่ได้หยิบจับงาน ผองเพื่อนทั้งในวงรวมไปถึงคนรอบข้างต่างรู้ดีในความเอาจริงเอาจังและกระตือรือร้นกับงาน คำว่าหมายเลข1จึงไม่ใช่แค่ตัวอักษรแต่เป็นการการันตีหลอมรวมจนเป็นราชาสีดำอย่างใครเขาพูดถึงกัน
ชีวิตของเขาแลดูสมบูรณ์แบบจนน่าอึดอัดไปบ้างไม่ว่าจะฐานะทางบ้าน หน้าตา พรสวรรค์ แต่ฮาจิเมะเองก็มีจุดอ่อนที่สำคัญอย่างเช่นเรื่องความรัก เขาไม่ได้สนใจใยดีกับมันมากเพราะเวลางานถาโถมจนบางครั้งก็เบียดเบียนเวลาพักผ่อน แต่ที่ไม่มีใครได้ทันสังเกตก็คือเรื่องสัญชาตญาณของอัลฟ่าในตัวของยอดจ่าฝูงเช่นเขา ราชาสีดำผู้นี้เป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์สายอัลฟ่าที่แสนแข็งแกร่ง ใช้ชีวิตปะปนกับคนธรรมดา ทว่ากลับห่างเหินในเรื่องของการสืบสายเลือด
แต่เป็นจุดแข็งตรงที่มันได้ขัดเกลาให้เขามีความอดทน ในช่วงชีวิตการเป็นนักร้องได้มีการออกไปข้างนอก อาจจะมีกลิ่นฟิโรโมนส์ดึงดูดกันบ้าง ทว่าด้วยความชำนาญในการควบคุมตนเอง จึงทำให้ยากที่ตนจะตกหลุมพรางไปกับสัญชาตญาณ เขาได้ยินข่าวในอินเตอร์เน็ตมาบ้างถึงเรื่องอาชญากรรมในโลกเกี่ยวกับชนชั้น แต่อย่างน้อยเรื่องเหล่านี้ได้รับการยอมรับทางวิทยาศาสตร์ ทำให้ยาระงับฟิโรโมนส์มีขายทั่วไป ต้องขอบใจสาธารณสุขเสียจริงๆ
มนุษย์มักคิดว่าตัวเองเป็นชนเผ่าที่สูงส่งมากสติปัญญา แต่พวกเขาก็มักจะลืมว่าอย่างไรก็เป็นสัตว์
เพียงแต่ถ้าอยากจะสูงส่งกว่านั้นก็ควรเอาชนะสัญชาตญาณดิบที่ทำให้ใครได้เดือดร้อนเสีย
‘ฮาจิเมะ~ วันนี้หยุดสินะ? ผมเห็นตารางงานแล้วล่ะ เดี๋ยวผมจะไปเยี่ยมที่ห้องนะ!’
เปลือกตาของฮาจิเมะหนักอึ้งและพร้อมจะปิดลงทุกเมื่อกลับเบิกโพลงเมื่อเห็นแจ้งเตือนบนโทรศัพท์ของตน ความที่เพิ่งกลับมานอนงีบได้ไม่นานแล้วเจอการพยายามมาหาของเจ้าตัวป่วนอย่างชิโมสึกิ ชุนนั้นได้สร้างความยุ่งยากในชีวิต จริงอยู่ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงหัวหน้าวงProcellalumที่ต้องร่วมงานกันบ่อย แต่ด้วยอุปนิสัยตามติดทุกการเคลื่อนไหวสมเป็นแฟนคลับทำให้ลำบากใจไม่น้อย
‘ยังไม่ได้จัดห้องนะ’ เขาตอบสั้นๆขณะปรายมองกระเป๋าที่วางอยู่ข้างโต๊ะญี่ปุ่นรวมถึงของขวัญจากแฟนคลับที่ยังไม่ได้จัดบนชั้นวาง
‘เดี๋ยวผมไปช่วยจัดน้า~ ฮาจิเมะคนสำคัญของผมจะได้ไม่ต้องเหนื่อย’
เจ้าหมอนี่……
แต่ที่น่าปวดหัวกว่าคือเขากลับติดนิสัยปฏิเสธอีกฝ่ายไม่ลง ไม่รู้เพราะอะไรกัน อาจจะเป็นเพราะความที่ตนเองเคร่งขรึมและจริงจัง พอมีอีกฝ่ายให้ความบันเทิงก็อาจจะสนุกขึ้นก็ได้หรือเหตุผลอะไรก็ตามแต่ เขาไม่สามารถให้คำตอบได้พอๆกับการที่อีกฝ่ายยังไม่เลิกตามตื้อแม้จะผ่านไปนานหลายต่อหลายเดือนเช่นนี้
‘ผมอยู่หน้าประตูแล้วนะ’
“...เฮ้อ…..” เพราะว่ามาไม่ทันตั้งตัวแบบนี้จึงทำให้ต้องลุกไปเปิดประตูจนได้ ฮาจิเมะค่อยๆลุกจากโซฟา จัดผมเผ้าที่ไร้เจลจัดทรงให้เข้าที่ก่อนเดินไปเปิดประตูใหญ่ซึ่งเชื่อมกับห้องโถงกลาง จนพบกับใบหน้าขาวประดับรอยยิ้มที่แสดงอารมณ์แห่งความเริงร่าราวกับลูกแมวจอมซนที่เตรียมพุ่งเข้าใส่
“ฮาจิเมะเปิดประตูไวด้วย ดีใจจังเลยนะ~”
“ยังไม่อยากให้แข็งตายน่ะ” ฮาจิเมะไม่ได้โกหกอะไร เนื่องจากสภาพฤดูหนาวในช่วงเวลานี้จัดว่าเลวร้าย แม้ภายในอาคารบริเวณทางเข้านอกห้องโถงจะอบอุ่นกว่าด้านนอก แต่ก็ไม่ควรให้ตัวแสบผมสีขาวออกมายืนตุ้มๆต่อมๆอยู่หน้าห้องโถงกลางของวงนัก
“จริงๆก็เป็นห่วงผมใช่ไหม? เขินจังเลย~” แก้มแดงๆของอีกฝ่ายบ่งบอกถึงอาการหลงใหลได้ปลื้ม ระหว่างทางเดินเข้าห้องโถงกลางที่วันนี้ไม่มีใครอยู่เพราะต่างก็ติดงาน ตามตารางแล้วเป็นอีกวันที่เขาว่างพอดี แต่เจ้าตัวแสบก็ดันรู้ทันและตามติดมาจนได้
“ปล่อยให้นายมาด้อมๆมองๆหน้าห้องของวง เดี๋ยวก็ถูกหิ้วไปซะหรอก”
“แปลว่าฮาจิเมะยินดีจะให้ผมมาหายังไงล่ะ” ชุนเอ่ยด้วยรอยยิ้มสดใส
ไร้คำตอบจากฮาจิเมะด้วยความระอา กระทั่งถึงห้องส่วนตัวของตน เมื่อเจ้าของห้องเดินไปปิดประตูเรียบร้อย ล็อคด้วยความเคยชินก่อนจะหันมาจัดการเก็บกระเป๋าเข้าที่ ชุนเข้ามายืนมองสำรวจห้องจึงทำท่าจะช่วยเหลือเช่นการลุกลี้ลุกลนเผื่อจะช่วยจัดนั่นนี่
“ให้ผมช่วยอะไรบ้างไหม?”
“อืม….ไม่มีนะ นั่งรอไปก่อน วันนี้ฉันเพิ่งได้เสื่อโคทัตสึมาด้วย” ฮาจิเมะเก็บกล่องของขวัญเข้าที่ขณะชี้ไปยังโต๊ะดังกล่าวกลางห้อง ชุนผู้แสนวุ่นวายจึงเก็บซ่อนความดีใจไม่อยู่และลงมานั่งกับพื้นพร้อมซุกขาและมือยังเสื่ออบอุ่นพลางยิ้มแย้มเหมือนแมวน้อยที่กำลังเปี่ยมสุข
“นี่มันสวรรค์ชัดๆ~ นอกจากเป็นห้องของฮาจิเมะคนดีแล้ว ยังมีโต๊ะอุ่นๆให้ผมด้วย” เจ้าของห้องถอนหายใจพลางขำในลำคอ อาจจะเพราะท่าทางเหมือนแมวหรือใบหน้าที่ดูแดงตลอดเวลาจึงทำให้ตนรู้สึกเอ็นดู
“วันนี้หยุดตรงกันสินะ?”
“จริงๆมีงานนะ แต่เขายกเลิกไปเพราะสถานที่ไม่พร้อมล่ะ เห็นว่าระบบฮีตเตอร์พังทั้งสตูดิโอ คงไม่อยากให้ท่านจอมมารต้องป่วยแน่ๆเลย” ร่างผมสีอ่อนยกมือขึ้นมาเพื่อหยิบโทรศัพท์โดยเปิดกล้องเซลฟี่ตนเองกับภายในห้องของฮาจิเมะ บ่งบอกถึงการอวดเต็มที่ว่าเสด็จมายังห้องส่วนตัวสำเร็จ
“ลำบากแย่เลยแฮะ” จริงว่าอีกฝ่ายเป็นพวกช่างตื้อแต่ก็มีพื้นฐานความรับผิดชอบ คงไม่มีทางลางานหรืองี่เง่าแบบหนีงานแค่เพราะวันหยุดไม่ตรงกัน ฮาจิเมะเดินมานั่งข้างๆและยกมือวางบนหัวของชุนเบาๆเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความเอ็นดู
“อ๊ะ-- ฮาจิเมะ~”
“ทำเสียงแบบนั้นหมายความว่าไงน่ะ” กำลังจะทำท่าลูบมือก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงแผ่วคล้ายกับกำลังครางหงิงพึงใจเสียไม่ผิด ไหนจะกลิ่นหอมประหลาดที่สูดเข้าเต็มจมูกนั่นอีก
“ก็ผมสบายนี่นา”
“แต่หน้าของนายดูไม่ค่อยสบายนะ” เพราะว่าจับผมฟูฟ่องนั้นแล้วสัมผัสถึงความร้อนแผ่จากร่างอีกฝ่ายจึงรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับอาการป่วย ชุนในเวลานี้แม้จะชอบหน้าแดงเวลาอยู่ชิดใกล้กับเขา ทว่าตอนนี้มันต่างจากเดิมตรงความระเรื่อบนใบหน้าลุกลามมาถึงใบหูและริมฝีปากที่ฉ่ำวาวอย่างประหลาด
“อย่างนั้นเหรอ?....อือ….นิดหน่อยน่า แต่ผมอยากเจอฮาจิเมะมากกว่านี่” ชุนยิ้มอ่อนโยนแต่เจือไปด้วยความดื้อด้านส่วนตัว
“ไม่ได้นะ นายควรไปนอนพัก” ฮาจิเมะทำท่าจะไล่ แต่พอกำลังจะอ้าปากพูดก็ได้ยินเสียงจากข้างนอกอย่างโทรทัศน์ตรงห้องโถงกลาง บ่งบอกถึงการกลับมาของสมาชิกคนอื่น
ขืนไล่ไปนอนตอนนี้ก็จะเรื่องยาวอีก ให้นอนพักที่นี่ก็แล้วกัน
“แต่ว่าผมไม่อยากไปจากฮาจิเมะด้วย….”
“....ไปนอนเตียงก่อนก็แล้วกัน” ฮาจิเมะถอนหายใจด้วยความใจอ่อน “ฉันเพิ่งกลับมา ยังไม่อยากเดินออกจากห้องตอนนี้”
“ฮาจิเมะใจดีจังนะ” หลังพูดจบ ชายหนุ่มผมสีเข้มค่อยๆลุกขึ้นเพื่อเดินไปเปิดประตูห้องนอนโดยรอการลุกขึ้นของแขกผู้มาเยือน ทว่า…
โครม!
“ชุน?!” ทีแรกคิดว่าอาจจะแค่ไข้ขึ้นแล้วหน้าแดง ที่ไหนได้กลับเป็นผู้มาเยือนซึ่งลงไปนอนพับกับพื้น โชคดีที่ห่างไกลโต๊ะเล็กน้อยจึงไม่บาดเจ็บอะไร ท่ามกลางความเงียบคือร่างเพรียวอ่อนแรงล้มตัวลงกับพื้นพรม กระทั่งเจ้าของห้องได้สติแล้ว ฮาจิเมะจึงรีบจับพยุงขึ้นมาพลางมีสีหน้ากังวลไม่น้อย
“แย่ล่ะสิ ทั้งที่อยากจะมาดูแลฮาจิเมะแท้ๆ”
“อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้” ไม่รู้ว่าเขาอยากได้อะไรกันแน่ ทั้งที่ชุนป่วนแทบจะตลอดเวลาที่พบเจอ แต่พออีกฝ่ายเป็นอะไรก็เผลอร้อนรนไม่สมกับเป็นราชา เขาใช้เท้าดันประตูเปิดและพาอีกฝ่ายเข้าไปในห้องนอนก่อนจะบรรจงวางลงกับเตียง ไวโอเล็ตคู่งามสะท้อนภาพตรงหน้าอย่างไหวระริก จนชุนที่เปิดเปลือกตามองถึงกับยิ้มแห้งด้วยความรู้สึกผิด
“ผมรู้สึกว่าเป็นไข้อ่อนๆก็ตอนเช้า แต่เวลาว่างที่จะได้เจอกับฮาจิเมะสำคัญกว่าน่ะ” เจ้าแมวจอมซนในเวลานี้น่าตียิ่งนัก แต่เขาก็กลั้นความหมั่นเขี้ยวนั้นด้วยการลุกขึ้นเพื่อค้นยาในตู้เก็บของส่วนตัว
“ถ้านายป่วยหนักขึ้นมา นายก็อาจจะหาเวลาว่างตรงกันยากกว่าเดิมเพราะตารางงานป่วยไปหมดนะ”
“อา..นั่นสิน้า แต่ผมได้ยินว่าฮาจิเมะทำงานหนักมาก ก็เลยอยากจะช่วยอะไรบ้าง”
“หัดห่วงตัวเองบ้างสิ” ท่าทางที่หงุดหงิดจนเผลอกำแผงยาลดไข้แน่นกว่าเดิมทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองงี่เง่า มือสากจากการตรากตรำงานเดินไปหยิบขวดน้ำเปล่าในแพ็คใหม่และเทน้ำลงในแก้วเปล่า ฮาจิเมะกลับมาพร้อมกับน้ำและยาก่อนยื่นให้ชุนด้วยใบหน้าดุใช่ย่อย
“ฮาจิเมะดุผมด้วย~” ชุนกล่าวด้วยเสียงแหบเล็กน้อยพลางรับยาและแก้วน้ำมาถือก่อนใช้แรงที่เหลือในการรับประทานยา
“นอนพักก่อนนะ ฉันจะจัดตารางอะไรนิดหน่อย” ที่จริงคือการลุกไปหยิบกาแฟมาดื่มและเฝ้าอาการของชุน อย่างน้อยนอกจากยาลดไข้แล้วก็มีเจลลดไข้อีก เมื่อตนหยิบออกมาจากซองแล้วบังคับชุนด้วยการแปะให้ แน่นอนว่าเจ้าตัวก็ให้ความร่วมมือด้วยรัก
“ชุน….สักพักจะปลุกแล้วไปส่งที่ห้องนะ”
“........” ไม่มีเสียงตอบรับ เมื่อหันไปมองจึงเห็นว่าเจ้าลูกแมวจอมซนหลับปุ๋ยทันที ฮาจิเมะถอนหายใจด้วยความเพลียก่อนจะลุกไปบังคับถอดเสื้อนอกออกเพื่อปรับให้เข้ากับฮีตเตอร์ในห้อง ชุนคงจะดีใจไม่น้อยหากถูกปฏิบัติอย่างดีจากตัวเขา แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับการที่อีกฝ่ายควรได้รับการดูแลก่อนจะเป็นอะไรหนักขึ้น
“นั่นสินะ หมอนี่ต้องหายให้ไวก่อนวันงาน” เมื่ออัญมณีสีไวโอเล็ตหันมองปฏิทินการทำงานข้างโต๊ะจะเห็นว่ามีกำหนดการวันพบปะแฟนๆของสองวงดนตรีในช่วงท้ายปีเสียด้วย เขาจะปล่อยให้ชุนป่วยเพราะอีกฝ่ายมายืนตากลมรอตนไม่ได้เด็ดขาด
ก็แค่งานและความรับผิดชอบล่ะน่า….
______________________________________________________________
เวลาผ่านไปร่วมสองชั่วโมง นานพอให้ชุนมีเวลาพักผ่อน เจ้าของห้องไม่ได้เข้ามานั่งข้างเตียงตลอดเวลาเพราะรู้สึกอีกฝ่ายมีกลิ่นประหลาดคล้ายน้ำหอมกลิ่นแรงที่ตนรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดเข้าหาอย่างยากจะอธิบาย ฮาจิเมะใช้เวลาจัดของในห้องนั่งเล่นของตนรวมไปถึงการสั่งเดลิเวอร์รี่อาหาร เขาเตรียมชุดข้าวต้มปลาแซลมอนที่อีกฝ่ายน่าจะชอบ รวมถึงเซ็ตอาหารมื้อเย็น คาดว่าจะไปส่งก็ตอนที่เดินไหวหรือไม่ก็ต้องหาเวลาติดต่อไคเพื่อพาเจ้าตัวแสบออกไป
“ตอนนี้คงดีขึ้นแล้วล่ะมั้งนะ?” เปรยราวกับพูดกับตัวเองอยู่ขณะจัดอาหารเรียบร้อยบนโต๊ะโคทัตสึ ฮาจิเมะลุกขึ้นและเปิดประตูห้องนอนก่อนที่จะเผลอยกมือปิดจมูกด้วยความประหลาดใจ
“นี่นายฉีดน้ำหอมมากไปแล้วนะชุน….” กลิ่นน้ำหอมใหม่เตะเข้าเต็มจมูกจนเวียนหัว เจ้าของห้องรีบปิดประตูเพื่อกันไม่ให้กลิ่นฟุ้งระรานห้องรับแขก ขณะนั้นเจ้าตัวแสบก็ลืมตาตื่นพอดีด้วยสีหน้าที่สงบกว่าเดิม
“อา….อย่างนั้นเหรอ?” มือขาวขยับขึ้นลูบลำคอประดับปลอกคอเบาๆด้วยการพยายามเรียกสติว่าตนได้ฉีดกลิ่นอะไรมาบ้าง “ผมก็จำไม่ได้นะว่าใช้ขวดไหน แต่ถ้าไม่ชอบ ไว้จะฉีดน้อยลงนะ”
“อืม...แล้วอาการตอนนี้ล่ะ?” ฮาจิเมะย้ายร่างสมส่วนของตนมานั่งข้างเตียงและยกมือแตะหน้าผาก เจลลดไข้ถูกลอกออกตามด้วยมืออุ่นที่สัมผัสผิวเนียนนุ่ม อาการไข้ลดลงตามคาดแต่สิ่งที่เป็นอยู่คือชุนผู้มีใบหน้าระเรื่อ ทั้งริมฝีปากฉ่ำแดงและสีหน้าประหลาดอันเย้ายวน ไม่รู้เพราะอะไรกันนะที่ทำให้หัวใจของผู้เฝ้ามองกลับเต้นรัวเร็ว
“แค่มีฮาจิเมะ ผมก็ดีขึ้นทันทีล่ะ โอ้ย---” กำลังจะป้อคำหวานก็ถูกดีดหน้าผากอย่างจัง ชุนจอมซนยกมือปิดหน้าผากหลังถูกลงโทษ แต่กระนั้นแล้วกลับหันมายิ้มซุกซนอีก
“อย่าทำให้ฉันเป็นห่วงสิ”
“ฮ...ฮาจิเมะเป็นห่วงผมจริงๆด้วย แบบนี้ผมก็ตายสิ~~~” อยากจะตีให้หน้าผากแดงสักคราแต่ก็ยับยั้งใจไว้ เมื่ออีกฝ่ายถึงกับงอตัวดิ้นปัดๆบนที่นอน ไม่เกรงใจเจ้าของห้องซ้ำยังทำมาลืมป่วย
“ถ้านายยังดิ้นแบบนี้ จะไปเรียกคนมารับนะ”
“หวา...ผมยังไม่ได้ใช้เวลากับฮาจิเมะเต็มที่เลย” ชุนรีบกลับมานอนสภาพเดิม ช้อนแววตาเว้าวอนใส่อย่างน่าหมั่นเขี้ยว”
“ยังมีเวลาอีกเยอะน่า”
“แปลว่าได้ทั้งคืน?”
“....นายนี่น้า” จริงๆเพราะว่าไม่อยากออกจากห้องในช่วงอากาศหนาวจัดและต้องมาคอยตอบบทสนทนากับพวกสมาชิกในวงจึงต้องอดทนอยู่ด้วย กลิ่นน้ำหอมรุนแรงเรื่อยๆเมื่อเข้าใกล้ชิโมสึกิชุน กระนั้นแล้วจากความหวานเอียนแปลกประหลาดกลับค่อยๆละมุนลงคล้ายกับกลิ่นหอมน่าหลงใหลแทน จนเขาเผลอขยับเข้ามาใกล้โดยไม่รู้ตัว
“เอ๋? ฮาจิเมะ?.....”
“อ่า...โทษที” ใบหน้าคมคายพลั้งเผลอขยับเข้ามาใกล้บริเวณลำคอขาว “แค่กลิ่นมันหอมไปหน่อย”
“.....ฮ่ะๆ สงสัยจะติดใจกลิ่นน้ำหอมผมซะแล้วสินะ? ดมได้นะไม่ว่า~” นอกจากจะไม่ห้ามแล้วยังปลดกระดุมลงอีกสองเม็ดยั่วเย้าอีก
“......” มันน่าโมโหตรงที่เขาเผลอกลืนน้ำลาย อีกใจก็เบื่อความอ่อยยั่วของชุนเสียจริง
“นี่...ฮาจิเมะ...คร่อมผมอยู่นะ” เนตรสีใบไม้หรี่ลงขณะปรายมองเขาที่ลงมาใกล้ในระดับประชิด ซ้ำร้ายยังอยู่ในท่าคร่อมไม่มีผิดเพี้ยน
ทำไมกัน….ทั้งที่ควรจะหนีแท้ๆ
กลิ่นนี้มันอะไรกันนะ…..
ความสับสนเกี่ยวกับเรื่องราวลึกลับว่าด้วยกลิ่นหอมประหลาดจากฟิโรโมนน์ของโอเมก้ากำลังป่วนอยู่ในหัวของเขา ไม่น่าเชื่อว่าหากเป็นไปตามคาดแล้ว ชุนก็น่าจะเป็นโอเมก้าช่วงฮีท ทว่าด้วยอุปนิสัยและท่าทางแล้วมันเป็นไปได้ยาก โอเมก้าแบบที่เขารู้จักก็มักจะเป็นผู้ตามที่ดี
จากนิสัยของชุนแล้ว ไม่มีอะไรที่บ่งบอกเลย….
เว้นแต่ชุนเท่านั้นที่เป็นสิ่งที่พิเศษ...เป็นโอเมก้าที่เหนือโอเมก้า
“ฉันควรออกไปจากห้อง…” ฮาจิเมะกัดฟัดกรอดด้วยความพยายามยับยั้งใจ ทว่าทั้งกลิ่นและท่วงท่าของอีกฝ่ายกลับกำลังล่อลวงสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้น กลายเป็นราชากระหายใคร่อย่างที่เขาไม่อยากเป็นที่สุด มือของเขาเผลอเอื้อมแตะแก้มระเรื่อนั้น นัยย์ตาต่างจดจ้องกันและกัน
ชิโมสึกิ ชุนในเวลานี้แสนเย้ายวน ใบหน้าแดงระเรื่อพร้อมกลีบปากสีแดงฉ่ำอันเผลอพอเหมาะ ดวงตาปรือปรอยจากพิษไข้อ่อนและเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมออกจึงเผยทั้งฐานลำคอและเรือนร่างวับๆแวมๆ ด้วยว่าท่าทางใกล้ชิดเช่นนี้จึงยิ่งทำให้เนตรสีไวโอเล็ตประจักษ์ถึงความยั่วยวน ริมฝีปากของฮาจิเมะแห้งผากทุกที ราวกับสัตว์ร้ายที่ถูกกักขังหากแต่มีเนื้อชั้นเลิศวางอยู่เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส
อยากขย้ำ…..
มือขาวยกขึ้นคว้าแขนของฮาจิเมะเอาไว้ ใบหน้าที่แดงค่อยๆขยับขึ้นเพื่อปรายมองเขา ร่างเพรียวค่อยๆลุกขึ้นและซบใบหน้าคลอเคลียราวกับลูกแมวออดอ้อน แต่ทำไมกันนะเขาถึงได้รู้สึกบ้าคลั่งได้เพียงนี้
"ชุน ใกล้เกินไปแล้ว"
ฮาจิเมะกล่าวเสียงดุพลางแตะแก้มแผ่วเบาคล้ายห้ามปราม แต่เพิ่งจะรู้สึกว่าตนเผลอกลืนน้ำลายเสียงดังเมื่อใบหน้ายิ้มหยาดเยิ้มนั้นกำลังจูบเบาๆยังริมฝีปากตนและตนกลับนิ่งค้างไม่สมกับเป็นราชาผู้เด็ดขาด
"ไม่ได้....." ไม่ว่าอีกฝ่ายจะป่วยเพ้อจนไม่มีสติหรืออะไรก็ตาม เขาไม่ควรฉวยโอกาสกับชุน แม้ภายในจะหัวใจเต้นระรัวเร็วจนแทบหลุด
เย้ายวนเสียเหลือเกิน
ฮาจิเมะพยายามหักห้ามใจไม่ให้มือที่เคยตบแก้มนั้นเลื่อนลงไปยังบั้นเอวและลูบสัมผัสผิวกายขาวจากสาบเสื้อที่โผล่พ้น
"ฮาจิเมะ...ต้องการนายนะ" ริมฝีปากชุ่มฉ่ำเอ่ยเอื้อนเสียงสั่นเครือแหบพร่า โทนเสียงประหลาดที่ไม่เคยได้ยินกำลังกล่อมประสาทเขาราวกับยาเสน่ห์ ศีลธรรมที่ฉุดรั้งกายของเขาค่อยๆถูกทำลายลง จวบจนลมหายใจค่อยๆผ่อนลงพร้อมคำถามของฮาจิเมะที่เอ่ยมาด้วยน้ำเสียงสับสน
"แต่นายป่วย....."
"ฮาจิเมะต้องการผมไหม?"
"........"
เสียงเงียบหายยลงทันทีเมื่อใบหน้างามงั้นหันมาช้อนตามองด้วยรอยยิ้มยั่วเย้า กลิ่นหอมประหลาดคละคลุ้งในลมหายใจของราชาสีดำ จนสันชาตญาณบางอย่างปลุกตนขึ้นมา มือของฮาจิเมะจึงเลื่อนลงสัมผัสไหล่ร่างเพรียวและดันอีกฝ่ายลงกับเตียงแน่นขึ้น
"นายมีสติดีอยู่หรือเปล่า?"
"อื้ม~ ผมก็แค่ต้องการฮาจิเมะ...ในเวลาแบบนี้ พิสูจน์ได้นะ" เสียงยั่วเย้าอารมณ์เอ่ยเอื้อนในครั้งที่ชุนพิสูจน์ว่าตนไม่ได้เสียสติแต่อย่างใด ร่างตรงหน้าฮาจิเมะกำลังปลดกระดุมเสื้อตนออกอย่างเป็นจังหวะสม่ำเสมอเพื่อยืนยันว่าตนนั้นไม่ได้เพ้อไข้จนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิด
นักล่าผู้เป็นจ่าฝูงหลุบอัญมณีสีไวโอเล็ตลงเพื่อเฝ้ามอง ศีลธรรมและความถูกต้องมลายหาย ตามด้วยการยัดเยียดเหตุผลที่ว่าชุนไม่ได้เมามายหรือเพ้อพิษไข้
ชุนต้องการเขา
เขาต้องการชุน…
ราวกับอสูรร้ายซึ่งถูกปลดพันธนาการ ฮาจิเมะก้มลงซุกไซร้ลำคอขาวเพื่อสูดดมกลิ่นหอม พรมจูบราวกับบ้าคลั่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ด้วยความที่ยังรั้งสติได้จึงไม่ได้ทำร่องรอยอะไรเอาไว้
"จะทำรอยก็ได้นะ~"
"ไม่...ไม่อยากให้ใครเห็น" เสียงเข้มเอ่ยผ่านการกัดฟันอดทนก่อนจะซุกลงยังฐานลำคอที่มักปกปิดด้วยคอเสื้อและสร้างรอยสีเข้มลงไปแทนลำคอที่โดดเด่น
"อึ่ก...ทำไมล่ะ?"
"ไม่อยากให้...นายถูกถาม นายไม่ควรเป็นตัวตลกของใคร"
"....ฮาจิเมะ...สมกับที่เป็นฮาจิเมะคนสำคัญของผม..." แม้จะถูกเสน่ห์ยั่วยวน แต่ราชาก็คือราชา ย่อมไม่มีวันให้ชุนตกเป็นเป้าสายตาของใคร
ร่างสันทัดคิดว่าหากมีรอยแบบนี้ขึ้นมา ทุกคนคงคิดถึงใครก็ได้ที่ไม่ใช่ตน ซึ่งบางทีแลดูไม่ยุติธรรม สู้ให้เขาทำรอยที่เห็นฝ่ายเดียวดีกว่า
ความรู้สึกที่มีต่อฮาจิเมะนั้นลึกล้ำและรุนแรง ราวกับสีขาวเจิดจ้าซึ่งไม่มีผู้ใดทราบเบื้องหลัง ริมฝีปากระเรื่อเผลออ้ายามที่ริมฝีปากของท่านราชาผู้เป็นที่รักค่อยๆพรมจูบตามผิวกายขาว สีฉ่ำของรอยจูบประดับบนแผ่นอกจากเสื้อซึ่งแยกออกจากกันเพราะกระดุมถูกปลดออก ราวสีระเรื่อแต้มประดับบนหิมะสีขาว งดงามและตัดกัน
"อือ...ผมรู้สึกดีนะ" มืออ่อนเปลี้ยของร่างผมสีเงินยกขึ้นลูบไล้ยังไหล่กว้างของอีกฝ่าย สำรวจไปตามแผ่นหลังที่เขาชอบมอง เรือนผมสีเข้มที่เขาแอบลูบไล้ยามอีกฝ่ายหลับ โครงหน้าหล่อเหลาที่เขาหลงใหล ทุกอย่างที่ปรารถนานั้นอยู่ตรงหน้า และชิโมสึกิ ชุนเองก็กำลังส่งเสียงกระเส่าพึงใจเพื่อบ่งบอกถึงความปรารถนาเปี่ยมรักต่อท่านราชา
"ช่วยฉันถอดสิ ชุน" เมื่อลิ้มรสหอมหวลจากกายเพรียวจนพึงใจ ฮาจิเมะจึงเงยใบหน้าขึ้นสบตา จิตใจเริ่มกลับมานิ่งขึ้นเพราะสัมผัสช่วยผ่อนคลายเหล่านั้น
"อื้ม~ ฮาจิเมะขยับนั่งนะ" แม้จะเวียนหัวเล็กๆจากพิษไข้ แต่ชุนกลับค่อยๆนั่งลงและถอดเสื้อยืดให้อีกฝ่าย ในจังหวะที่ไม่ทันตั้งตัวนั้น ร่างเรือนผมสีเข้มขยับเข้ามอบจูบร้อนแรงให้จนรู้สึกราวกับจะละลาย แต่เมื่อสัญญาว่าจะช่วยก็ไม่อาจปฏิเสธลงได้ ความวาบหวานสะกดตรึงกายาราวถูกสะกดเอาไว้
"อื้อ~ อึ่ก--" รสจูบเปียกปอนและเรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดเข้าหาราวลิ้มชิมรสชาติใหม่กำลังสร้างความรู้สึกบางอย่างให้ตื่นตัว มือขาวเลื่อนลงยังเข็มขัด ค่อยๆปลดออกอย่างระวัง ขณะเดียวกับมืออบอุ่นของราชาสีดำเองก็เลื่อนมาหาเขาพร้อมกับรั้งเสื้อลงเช่นกัน
สองร่างแลกจูบกันราวกับลืมเลือนทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสียงนาฬิกาบอกเวลาว่าเย็นแล้ว เสียงการจราจรติดขัดหลังหน้าต่างหรือกระทั่งแจ้งเตือนบนโทรศัพท์ จนกระทั่งเสียงกระทบของหัวเข็มขัดดังขึ้น ฮาจิเมะจึงสัมผัสได้ถึงเรียวนิ้วที่ค่อยๆลูบผ่านชั้นในของตน
"ชุน...ไหวหรือเปล่า?" จนได้ยินเสียงหอบหนักและจังหวะจูบที่แผ่วลงจึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง กระนั้นเจ้าแมวจอมซนกลับผละออกด้วยใบหน้ายิ้มหวานหยาดเยิ้ม
"สบายมาก ผมก็แค่หลงฮาจิเมะมากเกินไป~" เขาหัวเราะเสียงซุกซน "อยากให้ผมสัมผัสไหม?"
"....ห้ามไป นายก็ไม่ฟังหรอกน่า" ฮาจิเมะตอบตรงคำถามแบบเลี่ยงๆเพียงเพราะรู้สึกว่ามันค่อนข้างน่าอายเล็กๆ อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจชุน แค่ไม่อยากให้ออกแรงมากเท่านั้น อย่างไรก็ป่วยและไม่ควรฝืนจนเกินไป
"ฮาจิเมะเนี่ย น่ารักจริงๆน้า" ใบหน้าน่ารักก้มลง ใช้มือของตนค่อยๆรั้งปราการชิ้นนั้นลง เผยส่วนอ่อนไหวที่เริ่มคุกรุ่นเพราะการเย้ายั่ว
"....นายนี่นะ...ไม่ยอมแพ้ซะจริงๆ" เรื่องปกติในการรักษาความเป็นส่วนตัว อย่างเช่นเรื่องบนเตียง แม้จะได้ชื่อว่าเป็นราชาสุดฮอตแต่ก็ไม่เคยร่วมหลับนอนกับใคร เขามีภาระมากมายเกินกว่าและที่สำคัญไม่อยากเสี่ยงกับการมีอะไรกับใคร อันตรายและอุปสรรคมีทุกที่บนโลกและเขาไม่อยากให้ครอบครัวผิดหวังหากพลาดพลั้งอะไรไป
จะว่าหัวโบราณก็ว่าได้ ถ้าหากไม่ได้รักชอบก็ไม่อยากจะมีอะไรกัน แต่กับชุนแล้ว….มันพิเศษเหนือกว่านั้น
เมื่อต่างก็สัมผัสกันและกันจึงได้ทราบวว่าอีกฝ่ายคงเคยทำกับใครมาแล้วแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะคิดมากเรื่องการบริสุทธิ์หรือไม่ แค่ไม่อยากให้ชุนรู้สึกเหนื่อยฝ่ายเดียว การเป็นคนที่เก่งไปเสียทุกเรื่องแต่กลับไร้ประสบการณ์ด้านเซ็กซ์นั้นทำให้ตนรู้สึกว่ากำลังจะเป็นตัวถ่วง
"ฮาจิเมะเนี่ย...ตื่นเต้นขนาดนี้เชียว?" ใบหน้าของชุนมีรอยยิ้มเอ็นดูเล็กๆในยามที่มือของเขาค่อยๆรวบส่วนนั้นขึ้นมา มันทั้งเต็มอิ่มและมากไปด้วยความปรารถนาจนรู้สึกว่าน่ารักน่าชัง แม้ใบหน้าจะพยายามนิ่งแต่เบื้องล่างไม่มีวันโกหกเขาได้อย่างแน่นอน
"......" ขณะนั้นเองผู้ถูกปรนเปรอกลับรู้สึกเหมือนตัวเองจะระเบิดตาย แต่ด้วยการพยายามวางมาดดุจราชาจึงทำเพียงสีหน้าตึงและปล่อยให้ชุนกระทำตามที่ตนต้องการ ปล่อยจอมมารวาดลวดลายยั่วยวนจนหัวใจแทบระเบิด
"หึ~ แต่ผมชอบ...อื้อ...จะดูแลฮาจิเมะตัวน้อยให้นะ~" หลังจากเอ่ยแบบนั้น ริมฝีปากระเรื่อกลับก้มลงบรรจงใช้ความอุ่นนุ่มคอยสร้างความพึงใจให้กับส่วนอ่อนไหวของอีกฝ่าย ค่อยๆละเลียดเลียชิมอย่างใจเย็นพลางช้อนดวงตาสุกสกาวสีใบไม้อ่อนขึ้นมาเพื่อบ่งบอกว่าตนกำลังสุขสมเสียเหลือเกิน
"อือ...." เสียงต่ำคำรามเล็ดรอดไรฟันยามริมฝีปากนิ่มปรณเปรอส่วนนั้น สัมผัสได้ถึงใบหน้าที่เห่อร้อนเพราะความปรารถนาพุ่งพล่าน ฮาจิเมะยกมือขึ้นอย่างใจเย็นเพื่อลูบเรือนผมสีอ่อนแผ่วเบา เขาได้ยินเสียงเปียกชื้นน่าอายจากเบื้องล่าง และมันเป็นเรื่องยากที่จะไม่ตื่นเต้นทั้งการกระทำและท่าทางของชุนได้
ดวงเนตรสีอเมทิสต์หลุบลง ย้ายจุดสนใจมายังลำคอขาวที่ยังคงมีปลอกคอประดับ ไหล่เพรียวที่ประดับหยาดเหยื่อกำลังทำให้เขากลืนน้ำลายอีกครั้ง
"อื้ม~" เสียงครางแผ่วเบาของเจ้าแมวจอมซนดังในยามที่สัมผัสส่วนนั้น จนเลื่อนเป็นการครอบครองด้วยโพรงปากอุ่นอย่างเร่าร้อน
"ชุน...พอก่อน--" พอจะเริ่มทราบแล้วว่าฮาจิเมะหากไม่เคยทำมาก่อนก็ต้องไม่ได้ทำอะไรแบบนี้มานาน แค่นี้ก็รู้สึกได้ถึงอาการเกร็งแน่น ยิ่งมืออุ่นที่หยุดยังเรือนผมสีอ่อนยิ่งทำให้รู้สึกชัดเจนว่าจุดสิ้นสุดใกล้เข้ามาแล้ว
"อื้อ?" แววตาซุกซนช้อนมองแต่ไม่ได้สนองตอบต่อคำพูด แต่กลับครอบครองแนบแน่นพร้อมดูดเม้มจนเกิดเสียงดัง ฮาจิเมะรู้สึกถึงความกระสันแล่นริ้วจากเบื้องล่างก่อนที่จะพลั้งเผลอปลดปล่อยจนอีกฝ่ายรู้สึกว่ามันอุ่นเต็มล้นจากริมฝีปากนั้น
"อึ่ก--..ท...โทษที" รู้สึกเผลอขมวดคิ้วออกมาเพราะได้ทำในสิ่งที่ราชาไม่สมควรอย่างเช่นการพลั้งเผลอ กระนั้นชุนกลับผละออกและลิ้มเลียหยาดความปราถนานั้น พร้อมทั้งทำความสะอาดส่วนที่อ่อนไหวอย่างไม่นึกรังเกียจ
"อื้ม~ ไม่เป็นไร ผมชอบทุกอย่าง..ที่เป็นฮาจิเมะ" เขาว่าพลางหอบเล็กๆ ยกนิ้วปาดที่มุมปากตนอย่างไม่เดือดร้อน "อร่อยด้วยนะ"
"เดี๋ยวเถอะ..." ฮาจิเมะทำเสียงดุอย่างเหนื่อยใจ "....แต่นายยัง..."
"ฮ่ะๆ ฮาจิเมะก็ทำให้ผมบ้างสิ อย่างเช่น...ในตัวผม" ชุนว่าพลางหัวเราะคิกคัก ก่อนจะค่อยๆยกตัวเองขึ้นและควานหาบางอย่างเช่นวัตถุผิวบางที่มักพกไว้ยังกระเป๋ากางเกงด้านหลังของตน
"....อือ...แล้ว...?"
"ฮ่ะๆ สงสัยฮาจิเมะต้องถูกทำให้ 'ตื่น'ก่อนซะแล้วสิ" เพราะว่าจะใช้มันได้ก็ตอนที่อีกฝ่ายกลับมาตื่นตัว ชุนจึงตัดสินใจวางสิ่งนั้นใกล้กับหมอนและเปลื้องอาภรณ์ของตนทีละชิ้น ปลดเข็มขัดออกตามด้วยการถอดกางเกงในสีม่วงอ่อน
ก็จริงว่าปกติจะใส่มันเฉพาะตอนที่ไลฟ์หรือวันพิเศษ แต่วันนี้จงใจมาหาฮาจิเมะก็อยากจะลองดีบ้าง
"จะ..ไม่เจ็บหรือไง?" ราชาถามเสียงเครียดเพราะรู้สึกทำอะไรไม่ถูกกระทันหัน แต่ก็ปล่อยให้ร่างตรงหน้าถอดกางเกงชั้นในออก เรียวขาขาวผิวเนียนละเอียดแบบลูกคุณหนู ไหนจะเนื้อผ้าอย่างดีที่ค่อยๆถูกดึงจากสะโพกออกมาจรดปลายเท้า ความเชื่องช้าได้ตรึงสายตาของตนให้หยุดนิ่งที่ร่างกาย
"กับฮาจิเมะแล้ว ไม่เจ็บหรอกนะ~"
"แต่ฉัน...เป็นห่วงนาย"
"......."
ใบหน้าของชุนจู่ๆกลับขึ้นสีระเรื่อ จากราชินีจอมยั่วกลับกลายเป็นลูกแมวจนมุมอีกครั้ง ขณะที่กำลังจะนอนเชิญชวนก็รู้สึกว่ามีความสุขจนเกินไปเวลาถูกห่วงใยและฝ่ายที่ห่วงใยคือฮาจิเมะที่เขาหลงใหลที่สุด
"อ่า...มันมีสารหล่อลื่นในนั้นน่ะ~~ "
เป็นท่านราชายังบริสุทธิ์ ชิโมสึกิ ชุนรู้สึกโชคดีอะไรเช่นนี้
"เข้าใจแล้วล่ะ...." เขาแสดงท่าทางตอบรับด้วยการถอนหายใจโล่ง ลูบมือสากเล็กๆจากการตรากตรำหนักช่วงนี้บนเรียวขา ทั้งทางกายภาพและความรู้สึกภายในถูกรุกเร้าจนทำลายปราการความอดทนจนได้
"ฮาจิเมะก็ถอดให้หมดสิ...ผมอยากกอดเธอแบบอุ่นๆเต็มตัวนะ~"
ทันทีที่ถูกชักชวนอย่างเต็มอิ่ม ฮาจิเมะจึงตัดสินใจปลดท่อนลางออกจนหมด โยนมันลงไปยังพื้นเตียงอย่างไม่สงวนท่าที เสียงกริ๊งของหัวเข็มขัดกระทบกับพื้นตามด้วยเสียงยวบยาบของเตียงนุ่ม ไม่มีอะไรมาขวางกั้นกันและกันอีกต่อไปกระทั่งเสื้อผ้า
"ชุน...."
"อื้อ?!" เผลอสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของตนในระยะประชิด
"....ฉัน...ไม่ได้มีอะไรกับนายแค่...ต้องการนะ"
ที่ผ่านมาพยายามไม่สนใจก็เพราะไม่อยากให้เหลิง แต่เวลานี้พอกลับมาคิดอีกที เขาเป็นราชาก็ไม่ควรโกหกใจตัวเองอีกต่อไป
นั่นสินะ...จริงๆแล้วเราไม่ได้แค่อยากได้….แต่เจ้าจอมมารสีขาวทำให้เขาเผลอหลงใหลทีละนิดจนกระทั่งวันนี้ มันไม่ใช่แค่เซ็กซ์เพื่อความต้องการ แต่เจ้าหมอนี่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายได้เสมอ
".....อื้อ...." ชุนเงียบเสียงไปเพราะรู้สึกใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดจากอก แม้ไม่มีคำนั้นตรงๆแต่ก็รู้สึกได้ว่ามันมากพอให้กายและใจเป็นของอีกฝ่ายทุกอณู อันที่จริงก็เป็นของฮาจิเมะมาตั้งนาน เพียงแต่ว่าไม่เคยได้มอบให้ด้วยตนเอง เขาอาจจะเมามายพิษไข้หรืออะไรก็ตามแต่ ทว่าความปรารถนาต่อราชาสีดำนั้นช่างรุนแรงจนไม่อาจควบคุม
"ขออนุญาตนะ" เพราะอีกฝ่ายมักจะขออนุญาตเวลาพูดเรื่องบางเรื่องเช่นกัน เขาปลดปลอกคออย่างแผ่วเบาและพรมจูบอย่างกระหาย "สัญญาว่าจะไม่ให้ใครเห็น..."
ที่เอ่ยออกมานั้นเต็มไปด้วยความระวัง อาจจะเพราะสัญชาตญาณของการเป็นอัลฟ่าก็เป็นได้ ทำให้ราชาสีดำตัดสินใจทำรอยเล็กๆซึ่งเคยเป็นจุดที่ถูกปลอกคอทับไว้เสมอเพื่อเป็นการยืนยันในคำพูดของตนเอง บาดแผลไม่ได้ไม่มีวันหาย แต่อย่างไรเสียควรจะเป็นรอยที่เกิดจากผู้เป็นที่รัก ไม่ใช่ใครก็ได้
"ถอดออกก็ได้นะ" เมื่อเจ้าตัวทำท่าจะช่วยใส่กลับที่เดิม ชุนกลับบอกให้ปลดออกเสีย "ฮาจิเมะ..จะได้สัมผัสผมได้มากขึ้น"
เพราะมีมันจึงทำให้คลอเคลียยากลำบากลง เมื่ออีกฝ่ายปลดออกและก้มซุกไซร้จึงทำให้สัมผัสกันและกันง่ายขึ้น ซอกคอหอมกรุ่นและผิวกายเรียบลื่นช่วยปลดปล่อยความปรารถนา ราวกับถูกแมวยักษ์ไถตามลำคอ ทำให้ผู้ถูกกระทำรู้สึกจั๊กจี้เล็กๆ
"จะไม่หยุดแล้วนะ"
"...อื้อ...."
ไม่ใช่ว่าคนที่ไม่เคยนอนกับใครจะทำไม่เป็น ฮาจิเมะใช้สัญชาตญาณของตนได้ฉลาดล้ำเสมอ รวมไปถึงเรื่องที่ทำให้อีกฝ่ายประทับใจ เขารู้ว่าในตอนที่สร้างรอยบนลำคอนั้น ชุนเองก็ชื่นชอบเช่นกัน
ริมฝีปากค่อยๆเลื่อนลงสัมผัสอีกครั้งก่อนจะลงไปหยอกเย้าความนุ่มบนยอดอกสีอ่อน จนเสียงครางกระเส่าของร่างเบื้องล่างดังขึ้นอีกครา
"อ๊ะ--" ร่างกายกระตุกวาบยามความอ่อนไหวถูกสัมผัส ทั้งเปียกลื่นและอ่อนโยน สลับกับมืออีกข้างที่บดขยี้เร้าอารมณ์ สีขาวประดับด้วยสีระเรื่อไปทั่วกายและเรียวขาที่แยกออกอย่างไม่รู้ตัว เชิญชวนให้ถูกสัมผัสครั้งแล้วครั้งเล่า
บทเพลงแห่งความปรารถนาบรรเลงท่ามกลางกลิ่นอายคละคลุ้งของกลิ่นหอมหวาน เมื่อพึงใจแล้วจึงเลื่อนลงต่ำเรื่อยๆ จูบพรมลงมาจนถึงสะโพกขาว เมื่อเรียนรู้จากอีกฝ่ายจึงทราบว่าทำอะไรแล้วจะรู้สึกดี อย่างเช่นการปรนเปรอส่วนนั้นด้วยเรียวนิ้วของตน
"ชุน..." เขาเอ่ยเรียกชื่อของอีกฝ่าย เหตุผลที่ไม่ได้ทำแบบเดียวกันก็เพราะอยากเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของเจ้าแมวจอมซนตัวนี้
"อ๊า--" จะด้วยทั้งความหลงใหลและเบื้องล่างที่ถูกทำให้ตื่นตัวก็ตาม ตอนนี้เขากลายเป็นเหยื่อตัวจ้อยในกำมือของราชาเสียแล้ว ร่างกายอ่อนแรงลงและยอมให้สัมผัสได้ตามใจ มือยกขึ้นจิกผ้าปูที่นอนระบายความต้องการ ทั้งเสียงครางเครือยั่วอารมณ์และเรียวขาที่ยกแยกอย่างพึงใจ
ท่ามกลางความกระหายใคร่ ใบหน้าของตนกำลังแสดงสีหน้าความปรารถนาชัดเจน
ต่างฝ่ายตรงปรายมองกันและกันแม้จะพร่ามัวด้วยหยดน้ำตาของเจ้าแมวขาว จวบจนร่างผมสีเข้มเริ่มรู้สึกถึงการตื่นตัวของตน จึงเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา
"จะ...ให้ฉัน..เข้าไปได้แล้วสินะ?...."
"อ--อื้ม ผมช่วยฮาจิเมะนะ" ใบหน้าน่ารักยิ้มนิด แม้จะอ่อนระทวยแต่ก็เอื้อมมือหยิบถุงวัตถุผิวบางขึ้นมาและงับส่วนมุมซองเพื่อแกะออก ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นนั่งและบรรจงช่วยให้อะไรง่ายขึ้น
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นแล้วชุนยังลงไปนอนลงกับเตียงนอน มือขาวก็เอื้อมไปสัมผัสยังสะโพกของตนและสอดปลายนิ้วเข้าไปอย่างจงใจยั่วยวนต่อหน้าฮาจิเมะ
"อื้อ~ ตรงนั้นน่ะ มันเรียกร้องเธออยู่นะ" ความเปียกชื้นจากด้านล่างมากเพียงพอให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงจากร่างกาย ยิ่งปลายนิ้วสองนิ้วสอดลึก ร่างตรงหน้าก็แสดงท่าทางพึงใจ ขณะเดียวกันก็ยั่วยวนกันเหลือเกิน สะโพกที่บิดเร่าและร่างเกร็ง เผยส่วนซอกมุมส่วนตัวราวกับพร้อมจะถูกบันทึกด้วยประสาทการรับรู้ทุกอย่างของราชาผู้เป็นที่รัก
"เข้ามาสิ~ ฮาจิเมะคนสำคัญของผม"
ราชาหนุ่มถอนหายใจมองจอมมารแสนซนตรงหน้าอย่างเหนื่อยใจเล็กๆ แต่ไม่มีอะไรฉุดรั้งเขาได้ เวลานี้เขาต้องใช้ความอดทนอย่างหนักที่จะไม่เข้าไปกระชากอีกฝ่ายเพื่อกระแทกกายเข้าหา
ชั่ววูบหนึ่งที่รู้สึกว่าอยากดึงมือนั้นออกและแทนที่ด้วยตนเอง แต่ก็...เป็นสัญชาตญาณดิบที่แย่
"...นายยั่วแบบนี้กับทุกคนหรือไรกัน?"
"ใช่แล้ว...ล่ะมั้งนะ" ชุนหัวเราะเสียงเบา "แต่กับฮาจิเมะแล้ว ผมเซอร์วิสเป็นพิเศษ~~~"
ไม่อยากให้ชุนที่น่าขยำเต็มมือต้องถ่วงเวลาอีกต่อไป เขาขยับเข้าหาและแยกเรียวขาออก วางในจุดที่คิดว่าน่าจะเหมาะสมก่อนจะสบตาเข้ากับพลอยสีใบไม้คู่สุกใสนั้น
"จะไม่หยุดแล้วนะ...." ส่วนนั้นจ่อยังปากทางที่ชุ่มฉ่ำผะแผ่ว ก่อนจะดันเข้าไปเชื่องช้าเรียกเสียงครางแผ่วจากร่างเพรียว
"อึ่ก--!" ความเจ็บปวดแล่วริ้วจากความไม่เคยชินของร่างกายเพราะอีกฝ่าย นานทีเดียวกับการมีอะไรกับใครรวมถึงร่ายกายของราชาตรงหน้า ทว่าชุนกลับยินยอมแม้จะเจ็บปวด เขาโอบกอดเข้าหาเพื่อซึมซับตัวตน ซุกใบหน้าเข้ากับไหล่กว้างเพื่อบรรเทาความเจ็บและความอึดอัดทั้งปวง
"เจ็บ?"
"อือ...ไม่เป็นไร" มันน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน เซ็กซ์ในจินตนาการของเขากับอีกฝ่ายนั้นเต็มไปด้วยความเหนือจริง แท้จริงแล้วมันมากไปด้วยความสดใหม่และไม่คุ้นเคย
แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นฮาจิเมะอยู่ใกล้ถึงเพียงนี้ ในฐานะที่ไม่ใช่ไอดอลหนุ่มหรือท่านราชา แต่เป็นคนธรรมดาที่เขารักแสนรัก ชุนซุกใบหน้าเข้าหา ปล่อยให้สะโพกคนตรงหน้าขยับกระแทกกระทั้นจนสุด
เสียงครางกระเส่าคละเคล้ากับเสียงหอบหายใจเรียกให้หัวใจเต้นถี่ระรัว เมื่อเบื้องล่างหลอมรวมไปหนึ่ง รู้สึกถึงความกระสันที่ไม่อาจสัมผัสได้จากอืนใด หนึ่งคือราชาผู้ไม่เคยได้สัมผัสผู้ใด อีกหนึ่งคือจอมมารสีขาวผู้ถูกราชาอันเป็นที่รักกลืนกินทั้งกายและวิญญาณ
ริมฝีปากประกบจูบกันอย่างกระหาย แลกผ่านเรียวลิ้นด้วยความปรารถนา สะโพกของร่างเพรียวแอ่นรับพลางปล่อยให้ส่วนที่เต็มที่และคับแน่นขยับเข้าออกรัวเร็ว
“ฮึ่ก--!” ความปรารถนาแล่นริ้วมากมายจนสะโพกแอ่นรับท่ามกลางสัญชาตญาณทั้งคู่ พวกเขากระแทกกายเข้าหากันอย่างกระหาย กลิ่นหอมหวลอบอวลทั่วห้องคละเคล้ากับเสียงครางเครือและเตียงลั่นเอี๊ยดเป็นจังหวะ ใบหน้าราวกับได้รับพรจากเทพเจ้าทั้งสองลืมตาสบมองกันและมอบจุมพิตเร่าร้อนแก่กันและกัน
“อื้อ...จ...จะไม่ไหว-- อ๊า--!” เพียงไม่นานจากการบทบรรเลง ร่างผมสีอ่อนกระตุกเกร็งร่าง ปลดปล่อยหยาดหยดความปรารถนาเต็มหน้าท้องขาว ขณะเดียวกันอีกฝ่ายเองก็ถึงจุดสิ้นสุดเช่นกัน เสียงครางต่ำในลำคอของร่างเบื้องบนบ่งบอกพร้อมด้วยการเกร็งไม่ต่างกัน
“.....” เสียงหอบหายใจเล็ดรอดจากไรฟัน ราชาสีดำก้มลงคลอเคลียกับข้างแก้มระเรื่ออย่างอ่อนโยน ภายในที่ยังค้างคาอยู่ยังคงคุกรุ่นและบ่งบอกถึงลักษณะที่ประหลาดไม่น้อย
“รู้สึกดีจังนะ….” ผู้ถูกกระทำหัวเราะเบาๆ ยกมือโอบลำคอของฮาจิเมะพลางคลอเคลียกลับ เขารู้สึกถึงแท่งเนื้อร้อนจากภายในกายของตน มันยังเต้นตุบๆและไม่มีทีท่าว่าจะออกไป
“เผลอจนได้...ขอโทษนะ…..”
“ฮาจิเมะเป็นอัลฟ่าใช่ไหมล่ะ?”
“.....” เขาไม่ได้ตอบอะไร แต่พยายามถอนกายออก แต่ทว่า…
“อึ่ก--- เจ็บ!” เสียงร้องด้วยความเจ็บดังลั่นจากร่างกายของจอมมารสีขาว ยิ่งเผลอจิกเล็บลงไปยังไหล่ราวกับลูกแมวยามหวาดกลัวยิ่งการันตีว่าชุนไม่ได้โกหก เบื้องล่างที่แสนคับแน่นไม่สามารถดึงออกจากจุดที่เชื่อมต่อ เขารู้สึกว่าส่วนนั้นมันบวมเป่งจากปกติเหมือนภาวะอะไรบางอย่างที่ผิดปกติจากมนุษย์ทั่วไป
“อ่า…..” ใบหน้าของท่านราชาขึ้นสีระเรื่อ ทฤษฎีเกี่ยวกับอัลฟ่าที่เคยร่ำเรียนมาแบบไม่ได้ใช้ก็ค่อยๆกลับมาวนเวียนในหัว อย่างเช่นอาการติดknotหลังจากเซ็กซ์ พอเป็นแบบนี้แล้วก็ต้องค้างที่เดิม….
น่าอาย...น่าอายสุดๆ!
“ฮาจิเมะเนี่ยเป็นเชอร์รี่บอยจริงๆด้วย ฮ่ะๆ” ทั้งที่เจ็บแต่ก็ยังมาล้อเล่นกับอีกฝ่าย ชุนเผลอหัวเราะออกมาและลูบหัวปลอบโยน เพราะว่าต้องฝากฝังเชื้อลงไป พวกอัลฟ่าจึงต้องมีอาการเดียวกับสายพันธุ์สุนัขป่าเพื่อการันตี แน่นอนว่าพวกเขาก็ต้องค้างอยู่แบบนั้นจนกว่าอาการจะจบลง ซึ่งนั่นทำให้จอมมารจอมซนรู้สึกเอ็นดูจนอยากจะจับอีกฝ่ายมาฟัดหนุบหนับ แต่ติดว่าข้างล่างมันแยกจากกันไม่ได้ชั่วคราว
แต่ว่านะ ทำท่าแบบนั้นมันโมเอะชะมัด!
“ยุ่งยากจังนะ…..” ฮาจิเมะเปรยเสียงเหน็ดเหนื่อย ก้มใบหน้าซบลงกับหมอน หลบหนีรอยยิ้มขี้เล่นของชุนที่ดูจะเล่นงานจนตนเองอับอาย ข้างล่างที่ผูกติดกันเพราะปฏิกิริยาธรรมชาติตอกย้ำว่าแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์แต่ในเมื่ออยู่ในวังวนของอัลฟ่า สุนัขป่าย่อมเป็นสุนัขป่าฉันท์นั้น
“ไม่เป็นไรนะ แบบนี้ก็น่ารักสำหรับผม” ว่าพลางหอมเบาๆยังข้างแก้มราชาเชอร์รี่บอยเบาๆอย่างเอ็นดู
“หายป่วยแล้วสินะ?” ฮาจิเมะกลับเข้าประเด็นหลักของต้นเหตุทั้งหมดอีกครั้ง
“เอ...เหมือนว่ายิ่งทำแบบนี้ก็ยิ่งเหงื่อออกไว….ผมก็ป่วยเพราะอาการข้างเคียงน่ะ”
“เสร็จจากตรงนี้คงมีครั้งต่อๆไป ” จะด้วยความกระหายในตัวเองหรือปรารถนาดี ฮาจิเมะตั้งมั่นว่ามันจะไม่จบแค่ครั้งเดียว
“หวา ฮาจิเมะร้อนแรงจังนะ~~”
“ก็ชอบนี่?”
“ชอบสิ เพราะว่าเป็นฮาจิเมะยังไงล่ะ~”
หรืออาจจะเพราะไม่อยากเป็นเชอร์รี่บอยผู้โสดบริสุทธิ์จนไม่มีวิชาติดตัวก็เป็นได้
+TBC+
มันควรเป็น The end แต่อุตส่าห์วางเซ็ตติ้งไว้อย่างดีก็ขอTBCนะครับ จะได้ต่อตอนไหนก็ตอนนั้น(...)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น